Thought Experiment - Thought Experiment นิยาย Thought Experiment : Dek-D.com - Writer

    Thought Experiment

    ผู้เข้าชมรวม

    250

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    250

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      -

      สุดยอดแห่งการคิดคือไม่คิด สุดยอดแห่งการสอนคือไม่สอน สุดยอดแห่งการปกครองคือไร้การปกครอง
      และสุดยอดแห่งอื่นๆอีกมาก
      หลักอันสวยงามแห่งเต๋าเหล่านี้ปรากฎอยู่ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่อง
      ประโยคที่ดังๆ ก็เช่น "ที่สุดแห่งวรยุทธ์กระบี่คือไร้กระบี่ ไร้กระบวนท่า"
      บางคนก็ว่างลึกซึ้งคมคาย บ้างก็ว่าเล่นคำกวนประสาทไร้สาระ
      ว่าแต่วิทยาศาสตร์ล่ะมองปรัชญา "สูงสุดคืนสู่สามัญ" นี้อย่างไร

      นานมาแล้วมนุษย์เราเชื่อกันว่า
      สิ่งที่เรียกว่า "เวลา" ไม่มีอยู่จริง และเรารู้สึกไปเองว่ามันมีอยู่
      จนกระทั่งทฤษฏีของ ไอแซค นิวตันได้นำเวลามาคำนวณเรื่องการเคลื่อนที่อย่างเป็นรูปธรรม
      คนเราจึงเชื่อว่าเวลามีอยู่จริง และไหลดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอทั้งจักรวาล
      แล้วทฤษฏีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ก็กำเนิดมาสะเทือนจักรวาลโดยการมองว่าเวลา
      เป็นเพียงมิติที่วางอยู่นิ่งๆ
      พวกเราและจักรวาลต่างหากที่เคลื่อนที่ไปบนกาลเวลา
      และในปัจจุบัน ทฤษฏี ควอนตัมกราวิตี้ กลับบอกนักฟิสิกส์ว่า
      เวลาไม่มีความหมายเลย และแท้จริงแล้วเวลาอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ!!

      ความรู้ทางวิทยาศาสตร์บางทีก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้น
      ทฤษฏีเรื่องแรงโน้มถ่วงก็ทำนองเดียวกัน
      เดิมทีคนเราเชื่อว่าดวงดาวเป็นวัตถุบนสวรค์ที่ไร้ซึ่งน้ำหนักและมีคุณสมบัติแตกต่างจาก
      วัตถุบนโลกโดยสิ้นเชิง
      จนไอแซค นิวตันได้เสนอแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงมาประสานโลกกับสวรรค์เข้าด้วยกัน
      ดวงดาวบนท้องฟ้าไม่ต่างไปจากก้อนหินที่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดไว้
      และไอน์สไตล์คนเดิมได้เสนอแนวคิดเรื่องทฤษฏีสัมพันธภาพมองว่าอวกาศเกิดการโค้งงออย่างน่าพิศวง
      ไม่จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดทฤษฏีสัมพันธภาพได้กลืนแรงโน้มถ่วงให้หายไปในอวกาศอีกครั้ง
      และปัจจุบัน บางทฤษฏีก็กลับมามองว่า แรงโน้มถ่วงมีอยู่จริงอีกรอบ!!

      ศิลปะเองเมื่อเติบโตไปถึงระดับหนึ่งก็ซ้ำรอยไม่แพ้ประวัติศาสตร์
      ภาพวาดในสมัยใหม่มักเน้นความเรียบง่ายและลดตัดทอนรูปแบบจนกลับไป
      คล้ายภาพเขียนสมัยดึกดำบรรพ์
      การออกแบบก็ก่อกำเนิดตึกรูปร่างเรียบๆ บ้างโชว์วัสดุปูนเปลือยไม่ต่างากพีระมิด
      บทกลอนก็มีการละทิ้งสัมผัสกลายเป็นกลอนเปล่าที่กลับสู่ความบริสุทธิ์

      คนเราก็เช่นกัน
      เมื่อไปถึงที่สุดแห่งการเติบโตคือความชรา
      เราจะกลับสู่สามัญเริ่มต้นคือการเป็นเด็กอีกครั้ง
      ผู้เฒ่ามักมีธรรมชาติหลายอย่างคล้ายคลึงเด็กทารกจนน่าทึ่ง
      ทั้งกระดูกที่ไม่แข๊งแรง การทรงตัวของร่างกายที่ไม่ดีนัก และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่คล่องแคล่ว

      จะว่าไป
      ระบบความคิดเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์มีการพัฒนาจนต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น
      แต่ถ้าสุดยอดแห่งวิธีคิดด้วยเหตุผลคือ การไม่ใช้เหตุผลในการคิด
      วันหนึ่งมนุษย์อาจวิวัฒนาการจนวิธีคิดด้วยเหตุผลตรรกะ ไม่เหลืออยู่ในเซลล์สมองเลย
      แต่หันมาใช้สัญชาตญาณและสามัญสำนึกที่ไร้เหตุผลมาห่อหุ้มแทน

      และเมื่อวันนั้นมาถึง อยากรู้เหมือนกันว่า
      สุดยอดแห่งความไร้เหตุผลบนโลกที่มีแต่สัญชาตญาณและสามัญสำนึกนั้น
      แท้จริงแล้วคือเหตุผลที่เราใช้กันทุกวันนี้รึเปล่า

      -

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×